Short fic ::AonTum28 ::my boy
เรื่องราวของพี่น้องสายรหัสที่ชื่นชอบในความเร็วเหมือนกัน แต่ทำไงได้ ก็คนมันหวง!!!
ผู้เข้าชมรวม
970
ผู้เข้าชมเดือนนี้
6
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“อยากไปมากใช่ม๊ะ” ชายหนุ่มผิวเข้ม ใบหน้าคมที่ประดับด้วยลักยิ้มสองข้างเอ่ยถามเด็กหนุ่มร่างอวบ(?)ตรงหน้าที่ทำเพียงส่งสายตาท้าทายออกไป ไม่ตอบอะไร
ร่างสูงเอาลิ้นดุนแก้มอย่างใช้ความคิด พร้อมพยักหน้าสองสามที
“ได้ แต่ฉันมีข้อแม้”
“อะไรอีกล่ะพี่อ้น ไม่ใช่ว่าพี่ไม่เคยพาตั้มไปซะเมื่อไหร่ ก็เคยพาไปแล้ว ทำไมคราวนี้เรื่องมากจริง” คนตัวเล็กกว่าได้แต่บ่นอุบอิบ แต่ก็เสียงดังพอให้อ้นได้ยิน
“ก็คราวที่แล้วมันเป็นยังไง จำไม่ได้รึไง ถ้าชั้นไม่ชนะ นายจะมีโอกาสมาเถียงชั้นฉอดๆแบบนี้ม๊ะ”
....ใช่ คราวที่แล้ว ที่จู่ๆร่างเล็กก็กลายมาเป็นเดิมพันในสนามชนิดที่เค้าและเจ้าตัวเองก็ยังไม่รู้ตัว เค้าแทบอยากจะยุติการแข่งขันแล้วไปตะบันหน้าคนคิดกติกาแผลงๆนั่นอยู่แล้วเชียว
“แต่พี่ก็ชนะนี่ ชนะขาดลอยเลย วันนั้นพี่โคตรเจ๋งเลย” ตั้มพูดอย่างเอาใจ ชูนิ้วหัวแม่มือให้อ้นสองมือ ดวงตาเป็นประกายระยิบเมื่อนึกถึงวันนั้น –พี่อ้นแม่งโคตรเท่ ทิ้งคู่แข่งชนิดไม่คลุกฝุ่นเลย-
อ้นมองสายตาและท่าทางแบบนั้นอย่างอ่อนใจ –มองอะไรเป็นเรื่องสนุกไปหมดเลยนะไอ้ตัวเล็ก-
“เอาน่าอ้น น้องมันอยากไป ก็พามันไปหน่อย มึงดูแลมันได้กูรู้” แกงส้มที่ยืนฟังอยู่นานเดินมาโอบไหล่ตั้มแล้วพูดแทรกขึ้น ประโยคหลังแกล้งเน้นเสียงทำอ้นหันขวับมามองก็พบสายตาเป็นเชิงล้อเลียนอยู่ในที ร่างสูงไม่ตอบโต้อะไร แต่คนที่โดนโอบกลับรู้สึกเห่อร้อนๆสองแก้มขึ้นมาตงิดๆ
“ดูลงดูแลอะไรล่ะพี่แกง โว้ ผมดูแลตัวเองได้พี่”
แกงส้มไม่ได้พูดอะไร เพียงยักไหล่เล็กน้อยก่อนจะกลับไปนั่งข้างฮั่นตามเดิม สองคนยิ้มให้กันแบบรู้ทันซึ่งกันและกัน รวมไปถึงรู้ทันสองคนข้างหน้านี้ด้วย –อีกคนก็ขี้เก็ก อีกคนก็ปากแข็ง สนุกนักแหล่ะ หึหึ-
“แล้วตกลงยังไง จะไปไม่ไป ไปก็ต้องทำตามข้อแม้ ถ้าไม่ทำก็อด”
“ข้อแม้อะไรอ่ะ” วราวุธทำหน้ายื่นแบบขัดใจ –เอาวะ พี่อ้นคงไม่ให้ทำอะไรพิลึกๆหรอก...มั้ง-
“ถ้าจะทำก็ขึ้นรถ” อ้นไม่ตอบ แต่เดินไปประจำตำแหน่งคนขับทันที ทำเอาคนตัวเล็กอ้าปากพะงาบแบบอยากจะด่าก็ด่าไม่ออก จะถามต่อก็ถามไม่ถูก
“ตกลงว่าไง...ไป ไม่ไป” ก่อนปิดประตูอ้นก็ยังคาดคั้น พร้อมสตาร์สเครื่องเตรียมตัวออกเดินทางชนิดที่ว่าตั้มแทบไม่ต้องคิดอะไรต่อ รีบกระโดดขึ้นรถไปนั่งข้างคนขับทันที
“อะไรล่ะข้อแม้ บอกได้ยัง” คนเอาแต่ใจเริ่มหน้ายู่อย่างไม่สบอารมณ์ เรียกรอยยิ้มเล็กๆจากร่างสูงให้เห็นแต่เขาก็ไม่มีคำตอบให้จนตั้มหงุดหงิด
“ไม่บอกก็ไม่ต้องบอก ชิ” พึมพำพร้อมสะบัดหน้าหันไปทางหน้าต่างจนคนเป็นพี่หลุดขำออกมาก่อนจะแสร้งทำผิวปากไปเรื่อยเปื่อยทิ้งให้คนหันขวับมามองตาขวางฟึดฟัดอยู่คนเดียว
ขับมาได้ไม่นานก็มาถึงที่หมาย..ที่ที่คุ้นตาของใครบางคน และก็เป็นที่ที่น่าตื่นตาตื่นใจของอีกคนเช่นกัน
“ไงอ้น อ้าว สวัสดีคร๊าบบบน้องตั้มมมมมม” ตูมตามเดินปรี่มาทักทายเพื่อนสนิทของตน ก่อนที่จะแกล้งทำตาเล็กตาน้อยส่งไปให้คนข้างๆ เรียกเอารัศมีความโหดแผ่ออกมาจากตัวร่างสูงได้เล็กน้อย
“แหะๆ สวัสดีครับพี่มะตูม”
“น้องตั้ม พี่บอกแล้วไงว่าพี่ชื่อตูมตามคร๊าบบ มะตูมปล่อยให้ไอ้หน้าลักยิ้มมันเรียกคนเดียวเถอะ”
“จะทักกันอีกนานไม๊...ตั้ม....ข้อแม้” อ้นไม่เปิดให้สองคนได้สนทนากันต่อ รีบพูดถึงสิ่งที่ตั้มเองก็ไม่รู้ว่าอ้นหมายถึงอะไร
“ก็อะไรอ่ะพี่อ้น” “ข้อแม้อะไรของมึงวะ”
ไม่พูดพร่ำทำเพลง อ้นหันไปหยิบอะไรบางอย่างด้านหลังรถ เป็นแจ็กเก็ตยีนส์ 2 ตัว เขาเช็คดูเล็กน้อยว่าถูกต้องจริงๆจึงหันไปสั่งให้วราวุธยื่นแขนออกมา ซึ่งร่างเล็กก็ทำตามแบบงงๆ –อะไรของพี่อ้นวะ-
“ใส่แจ็กเก็ตตัวนี้ไว้ จนกว่าพี่จะบอกให้ถอด” ใส่เสื้อไปพลางก็พูดข้อแม้ของตนไปพลาง
“แค่ให้ใส่แจ็คเก็ตเนี่ยนะข้อแม้พี่ โหยยยย บอกตั้มตั้งแต่แรกก็ได้ ไม่เห็นต้องปิดอะไรขนาดนั้นเลย ฟู่ววว” วราวุธลอบถอนหายใจเบาๆ –ไอ้เราก็นึกว่าข้อแม้อะไร ทำไมต้องปิดเป็นความลับขนาดนั้น-
ตูมตามยกยิ้มมองเพื่อนรักของตัวเองอย่างขันๆ –เออเว้ย นานๆจะเห็นโหมดนี้ของไอ้อ้น บุญตาของกูแท้ๆ หึหึ-
แล้วตูมตามก็ยิ่งต้องทึ่งเข้าไปใหญ่เมื่อตั้มใส่แจ็คเก็ตเสร็จแล้วหันไปทางอ้น เพราะทำให้เค้าได้เห็นด้วยหลังของแจ็กเก็ตที่สกรีนตัวอักษรบางคำชนิดที่คนอ่านเห็นแล้วแทบจะลงไปขำกลิ้งกับการกระทำของเพื่อนตนที่เป็นคนนิ่งๆขรึมๆมาตลอด –ไอ้อ้นนนน กูล่ะทึ่งกับมึงเลย 55555-
อ้นหันมาส่งสายตาเป็นเชิงอาฆาตเพื่อนรักไม่ให้ปริปากหรือมีท่าทีพิรุจอะไรให้คนตัวเล็กเห็น ตูมตามต้องใช้ความพยายามอย่างแรงกล้าที่จะไม่หลุดก๊ากออกมา แต่ก็อดที่จะแสร้งทำเป็นกระแอมเล็กน้อยไม่ได้
“โอเครึยังพี่อ้น เข้าไปได้ยังอ่ะ...พี่มะตูมตามขำอะไรอ่ะฮะ” วราวุธเช็คความเรียบร้อยของตนก่อนจะหันไปเจอคนที่พยายามกลั้นขำจนน้ำหูน้ำตาไหล
“หึหึ เปล่าๆน้องตั้ม ป่ะ ไปเว้ยอ้น ทุกคนในสนามรอมึงอยู่เลย”
อ้นเหล่มองตูมตามอย่างคาดโทษก่อนออกเดินพร้อมดันหลังของวราวุธเบาๆให้เดินขนาบข้างกัน
‘เด็กคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ที่ทำเอาเพื่อนของเขาเป็นถึงขนาดนี้ได้’ ตูมตามคิดพร้อมส่ายหัวเล็กน้อยอย่างขันๆ ก่อนจะเดินตามไป
..............
ทันทีที่สองร่างเดินเข้ามาในสนามแข่งขัน ทุกสายตาก็พร้อมใจกันหันมอง จนวราวุธเกิดความประหม่าในใจ ก็จะไม่ให้ประหม่าได้อย่างไร ตั้งแต่เค้าเดินเข้ามาสายตาทุกคู่มองเค้าเหมือนตัวประหลาด บางคนก็หันไปซุบซิบอะไรกันไม่รู้ บางคนก็มองแบบยิ้มๆ บางคนก็มองแบบคาดโทษเหมือนเค้าไปเหยียบเท้าไว้ตั้งแต่สมัยไหย ส่วนบางคน ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองหรอกนะว่าเค้าจะมองแบบเสียดาย เสียดายอะไรอันนี้ตั้มก็ไม่รู้เหมือนกัน วราวุธงงฮะตอนนี้
“พี่อ้น ทำไมทุกคนมองตั้มแบบนั้นอ่ะ” เมื่ออดใจไม่ไหว คนปากไวก็ขอถามคนใกล้ตัวหน่อยเถอะ ก็คนข้างๆนี่ก็แปลกๆ ไม่ใช่เขาไม่เห็นนะว่าพี่อ้นอมยิ้มมาตั้งแต่เดินเข้ามาแล้วน่ะ คนอื่นอาจจะไม่สังเกตหรอก แต่เขาอยู่ใกล้ๆ ลักยิ้มข้างๆแก้มมันบอกได้ชัดเลยว่ากำลังลอบยิ้ม ยิ้มอะไรของเค้า
“พี่จะไปรู้หรอ ไปทำเสน่ห์อะไรเอาไว้ล่ะ” แหน่ะ หันมาแขวะเขาอีก อะไรของพี่อ้นเนี่ย
“สน่งเสน่ห์อะไรของพี่อีกอ่ะ โว๊ะ”
ประกาศเรียกผู้เข้าแข่งขันประจำที่ดังขึ้น
“ตั้ม” กรกฎเอ่ยเรียกชื่อคนตัวเล็กด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ฮะ” สายตาหันไปมองสบกับคนที่มองอยู่ก่อนแล้ว
“อยากเข้าไปนั่งข้างในไม๊”
O__O “มะหมายความว่า....”
“พี่จะให้ตั้มไปนั่งแข่งกับพี่ด้วย.” J กรกฎยกยิ้มแบบใจดี ในขณะที่วราวุธทำได้แต่อ้าปากหวอ ตาโตเหมือนเจอเรื่องมหัศจรรย์
“แต่การแข่งขันพี่ต้องใช้สมาธิ เพราะฉะนั้นตั้มห้ามกวนห้ามวุ่นวายหรือทำอะไรให้พี่ตกใจจนกว่าพี่จะแข่งจบ...เข้าใจใช่ไม๊”
“ตกลงฮะ” สายตาประกายส่อแววตื่นเต้นจนปิดไม่มิด เหมือนเด็กน้อยที่ได้เจอของเล่นถูกใจชิ้นใหม่ถูกส่งออกมาจากคนตรงหน้าพร้อมรับคำอย่างแข็งขันทำเอาอ้นทนไม่ไหวใช้มือข้างถนัดขยี้หัวคนตัวเล็กเบาๆจนสั่นโคลง แต่ปฏิกิริยานั้นเล่นเอาวราวุธเหวออีกรอบพร้อมใบหน้าที่จู่ๆทำท่าจะเป็นลมแดดขึ้นมาดื้อๆ -ก็ตั้งแต่รู้จักกันมา พี่อ้นเคยทำแบบนี้กับเค้าที่ไหน แล้วนี่มันอะไรเนี่ย วันนี้พี่อ้นมาไม้ไหน ตั้มทำตัวไม่ถูก- สายตาที่มองเชิงตั้งคำถาม เล่นเอาคนที่เผลอตัวชะงักแล้วรีบผลุบมือกลับที่เดิม
“ปะไปกันไหมพี่อ้น” ยืนเก้ๆกังๆกันได้ซักพักจนประกาศรอบสองดังขึ้นวราวุธจึงได้สติพูดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
“อะฮึ่ม อืม ไปสิ......แปปนะ พี่ใส่เสื้อก่อน” แจ็คเก็ตยีนส์อีกตัวที่ชายหนุ่มถือเอาไว้นานถูกนำมาสวมอย่างรวดเร็ว ยิ่งขับให้กรกฎดูเท่ขึ้นไปอีก เรียกเสียงฮือฮาไปทั่วสนาม ไม่ใช่อะไร ก็มันเหมือนกับตัวที่วราวุธใส่ทุกกระเบียดนิ้วจนตั้มอดคิดไม่ได้ว่า....เสื้อคู่....หรอวะ –ไม่ใช่หรอกไอ้ตั้ม มึงก็คิดไปได้เนอะ เสื้อคู่อะไร บ้าแล้ว- แต่มะกี๊หลังเสื้อพี่อ้นมีเขียนตัวอักษรอะไรป่าววะ เหมือนเห็นแว๊บๆ สายตาตั้มเหลือบมองไปด้านหลังของอ้นตามความคิด แต่ยังไม่ทันจะเห็นอะไรกรกฎก็รีบดึงแขนเขาเดินเคียงคู่กันไปยังสนามแข่งที่มีรถหรูเรียงรายอยู่ เสียงฮือฮาดังอื้ออึงตลอดเวลาที่เขาพาตั้มเดินไป
อ้นพาร่างเล็กมาหยุดอยู่ที่รถคันสีส้มแถบน้ำเงินซึ่งตกแต่งตามสไตล์ที่เจ้าตัวชอบ พร้อมเลขข้างรถเบอร์ 28 เลขที่ถูกโฉลกกับเจ้าของเป็นอย่างยิ่ง
“หืออ พี่อ้น รถโคตรสวยอ่ะ ตอนมองไกลว่าสวยแล้วนะ พอมาเห็นใกล้ๆยิ่งโคตรสวยเลยพี่” วราวุธเอ่ยชื่นชมไม่ขาดปากพร้อมใบหน้าที่บ่งบอกถึงความถูกใจแบบปิดไม่มิด
กรกฎยิ้มๆ พร้อมส่งหมวกกันน็อคสีน้ำเงินเข้มให้เจ้าตัว “ขึ้นรถ”
“ครับพ้ม” คนทะเล้นทำท่าตะเบ๊ะพร้อมก้าวขึ้นรถอย่างรวดเร็ว
“พร้อมนะ เข็มขัดรัดรึยัง...อย่างที่บอก พี่ต้องใช้สมาธิ เพราะฉะนั้น”
“ค๊าบบบ ตั้มจะไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่พูด ไม่ทำพี่เสียสมาธิแน่นอน” เจ้าตัวเล็กรีบรับปากรับคำจนคนขับหมันไส้เลยถวายเขกกะโหลกผ่านหมวกกันน็อคไป 1 เขก
“โอ๊ยย พี่อ้นอ่ะ” โวยวายไปงั้น แต่เจ้าตัวกลับยิ้มไม่หุบ หันมองรอบรถสำรวจแล้วสำรวจอีก คนเป็นพี่ต้องหันปราม
“ตั้ม อยู่เฉยๆ การแข่งขันกำลังจะเริ่มแล้ว”
.................. ช่วงแข่ง......................
“วู้วววววววววว มันส์ชะมัดเลยพี่ พี่โคตรเก่งเลย ทิ้งคู่แข่งไม่เห็นฝุ่นเลย สุดยอดอ่ะ พี่อ้นโคตรเจ๋...ง” คำพูดที่พรั่งพรูสรรเสริญเยินย่อคนเป็นพี่ถูกชะงักหายไปเมื่อกรกฎหันเอี้ยวตัวไปเพื่อปลดสายเข็มขัดนิรภัยจนตั้มได้เห็นตัวอักษรที่อยู่หลังแจ็คเก็ตยีนส์นั้นเต็มๆตา
“พี่อ้น!!!”
“ห๊ะ อะไร” อ้นหันมามองน้องแบบงงๆว่าทำไมต้องตะโกนขนาดนั้น
“หันหลังดิ๊พี่” ไม่พูดเปล่า พร้อมจับคนตัวโตเอี้ยวตัวแบบที่อ้นไม่ทันตั้งตัว
*คนของตั้ม* สกรีนเสื้อด้านหลังเผยชัดเจนให้เห็นเต็มสองตา
วราวุธอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น ส่วนกรกฎก็หันมายิ้มเล็กน้อยตามสไตล์พร้อมกับถามคำถามที่เล่นเอาวราวุธไปไม่เป็น
“เป็นไง ชอบไม๊”
“.............ชะชอบบบบบ้าอะระ......เดี๋ยวนะ แล้วหลังเสื้อผม...........” คนตัวเล็กนึกขึ้นได้จึงพยายามเลิกเสื้อของตัวเองขึ้นมาอ่านบ้างแต่ก็มองไม่เห็น
“หึหึ อยากรู้ไม๊ว่าข้างหลังตั้มอ่านว่าอะไร” อ้นจับไหล่สองข้างของตั้มให้หันมาสบตาตน
“พี่เขียนว่า *เด็กของอ้น*” ย้ำช้าๆชัดๆทุกถ้อยคำให้ได้ยินพร้อมยิ้มที่อบอุ่นที่สุดเท่าที่ตั้มเคยเห็นมา
วราวุธตอนนี้ตาค้างไปแล้ว ทั้งคำพูด ทั้งสีหน้า ทั้งแววตาของคนเป็นพี่ที่บอกตรงๆว่าเค้าไม่เคยเห็นมาก่อนทำให้ตอนนี้ตั้มทำตัวไม่ถูก พี่อ้นโหมดนี้ ตั้มไม่เคยเจอค๊าบบบบบบ
“บะบ้า บ้าไปแล้ว พี่อ้น เล่นไรเนี่ยยยยยย”
“พี่เล่นอะไร” แกล้งตีเสียงขรึมทั้งที่แววตาขบขันแบบเปิดเผย
“ก็..แล้วพี่ทำแบบนี้ทำไมเล่า.....แล้ว แล้วอย่างนี้ที่คนเค้ามองเรากันทั้งสนามแบบนั้นก็แสดงว่า โอ๊ยยยยย แล้วนี่พี่ไปทำไอ้เสื้อนี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ พี่ตั้งใจแกล้งกันใช่ม๊ะ พี่นี่มัน.......ฮึ่ย”
คนตัวเล็กบ่นยาวเหยียดเป็นหมีกินผึ้ง แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบอะไรนอกจากรอยยิ้มเจ้าเล่ห์และสายตาที่ทำเอาคนขี้บ่นไม่กล้าหันไปสบตา
“พี่ถามว่าชอบไม๊” อ้นแกล้งยื่นหน้าเข้ามาใกล้ พร้อมพยายามสบสายตาคนที่พยายามก้มหน้างุดๆแทบจะแทรกตัวเข้าไปในคอนโทรลรถ
“ก็..............พี่แน่ใจแล้วหรอฮะที่ทำแบบนี้” .ตั้มเลือกที่จะไม่ตอบคำถามแต่หันกลับมาถามอ้นกลับเพราะมีบางอย่างที่มันยังค้างคาใจเค้าอยู่
“ตั้ม..ถ้าพี่ไม่แน่ใจอะไร พี่ไม่ทำหรอก.....แล้วพี่ก็แน่ใจมานานแล้วด้วย” สายตาแน่วแน่มองตอบออกไป คนอย่างอ้น ถ้าไม่มั่นใจอะไร อ้นไม่มีทางทำเด็ดขาด ตั้มเป็นคนที่เค้ารัก ถ้าถามว่ารักมาตั้งแต่เมื่อไหร่ อ้นเองก็ตอบไม่ได้ แต่ตั้งแต่เด็กคนนี้ก้าวเข้ามาในชีวิต เค้าก็ไม่เคยละสายตาจากตั้มไปได้เลย เด็กหน้าตาธรรมดาแต่มีเอกลักษณ์ในตัวเอง คนที่ชอบสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้คนอื่นตลอดเวลา จนกลายเป็นว่าเค้าหวงอยากที่จะเก็บเสียงหัวเราะและรอยยิ้มนั้นไว้คนเดียว
“ก็....ถ้าตั้มไม่ชอบ ตั้มก็ถอดเสื้อตัวนี้ทิ้งตั้งแต่แรกแล้ว” วราวุธเอ่ยยิ้มๆ ไม่หันมาสบตาคนข้างๆ ... ใช่ เค้าเห็นตั้งแต่ตอนใส่แล้วว่าเสื้อตัวนี้เขียนว่าอะไร ก็ตอนพี่อ้นจับแขนเค้ามาสวมเสื้อให้ สายตามันตวัดไปเห็นพอดี ไอ้อึ้งก็อึ้งอยู่หรอก ไม่คิดว่าพี่อ้นจะมาไม้นี้ แต่มันรู้สึกดีใจแล้วก็อบอุ่นมากกว่าที่พี่อ้นให้ความสำคัญกับเค้าขนาดนี้
“หมายความว่า...”
“ตั้มเห็นตั้งแต่ตอนพี่ใส่เสื้อให้ตั้มแล้ว” หันไปยักคิ้วให้อ้นอย่างอารมณ์ดี
“เจ้าเล่ห์นักนะเรา” อ้นยีหัวตัวเล็กด้วยความหมันเขี้ยว
“ก็พี่อยากเจ้าเล่ห์กับตั้มก่อนทำไมล่ะ คิคิ”
“ร้ายแบบนี้ล่ะพี่ชอบ”
O__O “พี่อ้น ตั้มว่าวันนี้พี่กินยาลืมเขย่าขวดแน่ๆ พูดแต่ละอย่าง ไม่ใช่พี่เลย”
“555 พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะพี่ก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน” สองคนหันมายิ้มให้กันและกันก่อนจะปล่อยหัวเราะออกมาแบบเขินๆ ....สถานะรุ่นพี่รุ่นน้องถูกเปลี่ยนไปตั้งแต่วันนี้
กลายเป็น
*เด็กของอ้น*
*คนของตั้ม*
ส่วนเรื่องหลังจากนี้......ขอเป็นเรื่องของเราสองคนนะครับ ......
....................................................จบ..................................................................
ฟิควูบค่ะ มาแบบวูบๆ ไปแบบวูบๆ ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕
ไม่มีปี่มีขลุ่ยอะไร เลย เริ่มเรื่องยังงงเลย ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕
สารภาพเบาๆว่าจริงๆอันนี้แต่งเอาไว้ซักพักเพื่อเป็นตอนจบของเรื่องยาว my boy
แต่....พอเริ่มเรื่องไปและไถๆไป รู้สึกว่าต้นเรื่องกับตอนจบมันไม่แมชกัน ก็เลยค้างตอนเอาไว้แบบนั้น
แล้วทีนี้มาอ่านตอนนี้อีกทีรู้สึกเสียดาย เลยรีไรต์ใหม่เล็กน้อยเป็นเรื่องสั้นเรื่องใหม่แม่ม ๕๕๕๕๕๕๕๕๕
คิดถึงอ้นตั้มด้วยแหล่ะ #บ้านเลขที่28 เดือนหน้าจะครบ 2 ปีแล้วนะ
จุ๊บๆ
ผลงานอื่นๆ ของ benjie28 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ benjie28
ความคิดเห็น